โปรแกรมระบบ MRPII

คุณสมบัติของโปรแกรม PowerFact 7.1 MRPII

 ในสถานการณ์การแข่งขันกันทางด้านธุรกิจในปัจจุบันได้มีการแข่งขันกันสูงมาก ทั้งทางผู้ผลิตภายในประเทศและต่างประเทศทั้งมีการเปิดเขตการค้าเสรีในกลุ่ม อื่นๆหรือทางกลุ่มอาเซียนเองโดยมีจีนเป็นรายใหญ่ที่ผลิตสินค้าที่เน้นราคา ถูกซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการแข่งขันทำให้การแข่งขันเรื่องราคาสินค้ารุนแรง มากยิ่งขึ้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ทางองค์กรการผลิตต้องมีการปรับตัวเพื่อที่จะแข่งขัน โดยจะต้องมีปรับตัวในการทำงานในองค์กรให้มีประสิทธิ์ภาพมากที่สุด ลดต้นทุนในการผลิตให้น้อยที่สุดและผลิตสินค้าออกมาให้มีคุณภาพ และใช้เวลาให้น้อยที่สุดรวมทั้งลดยอดการเก็บสต๊อควัตถุดิบที่อยู่ในคลัง สินค้าให้มียอดที่เหมาะสมที่สุดด้วยและยังมีอีกหลายๆปัจจัยที่จะส่งผลต่อการ อยู่รอดขององค์กร รวมถึงภายในอนาคตเององค์กรยังคงต้องเจอกับการแข่งขันที่ทวีความรุนแรง ต่อไปถ้าองค์กรใดที่ยังไม่มีการปรับตัวหรือปรับตัวช้าในอนาคตโอกาสในการอยู่ รอดก็เป็นไปได้ยาก ยิ่งปรับตัวเร็วก็จะเป็นผลดีแก่องค์กรมากยิ่งขึ้นและหนึ่งในผู้ช่วยในการ บริหารงานด้านการผลิตนั้นก็คือ โปรแกรมระบบ MRP เหมือนดั่งคำกล่าวที่ว่า “ มีซอฟท์แวร์ดีก็เหมือนมีอาวุธ ”เพราะต่อไปในอนาคตข้อมูลคือปัจจัยที่สำคัญสุดในการบริหารองค์กร “องค์กรใดมีข้อมูลที่แม่นยำรวดเร็วในการตัดสินใจย่อมได้เปรียบ”

ระบบ MRPII มีหลักการทำงานโดยสรุปอย่างไร

 วัตถุประสงค์หลักในธุรกิจการผลิต คือต้องการผลิตสินค้าให้รวดเร็วทันเวลาและเพียงพอกับความต้องการของลูกค้าใน กรณีที่ลูกค้าสั่งผลิต (Make To Order) และผลิตไว้เพื่อรอการจำหน่าย (Make To Stock) สามารถที่จะบริหารตัดสินใจได้ทันท่วงที และต้องควบคุมให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ และรวมถึงการบริหารสินค้าคงคลังให้มีปริมาณที่ไม่สูงหรือต่ำจนเกินไป การทำงานของระบบ MRP โดยเริ่มจากจำนวนปริมาณสินค้าทั้งหมดที่ต้องการ โดยคำนวณจากจำนวนยอดขายทั้งหมดจากฝ่ายขายที่ลูกค้าสั่งซื้อเข้ามาบวกยอด เผื่อเสีย(ถ้ามี) จำนวนยอดสินค้าที่ค้างส่ง และ ปริมาณการใช้สินค้าในกรณีอื่นๆ เมื่อคำนวณได้ยอดสินค้าทั้งหมดแล้วโปรแกรมก็จะตรวจสอบสินค้าในคลังสินค้า สำเร็จรูปพร้อมขาย (Finish Good) ว่ามีจำนวนเพียงพอหรือไม่พร้อมกันนั้นโปรแกรมก็จะตรวจสอบถึงยอดในการสั่งจอง สินค้าไปด้วยว่ามีอยู่หรือไม่ ถ้ามีเพียงพอก็จะจัดเตรียมส่งสินค้าให้ลูกค้า แต่ถ้าหากสินค้ามีไม่พอที่จะส่งให้ลูกค้าหรือสินค้าสำเร็จรูปตัวนั้นมีการ จองจาก Job อื่นอยู่ก็จะต้องทำการวางแผนการผลิตสินค้า ตามจำนวนที่ยังขาดอยู่ โดยการวางแผนเกี่ยวกับความต้องการวัตถุดิบ ว่าจะต้องใช้วัตถุดิบอะไรบ้าง จำนวนเท่าไหร่(โปรแกรมจะหักเอารายการวัตถุดิบที่ค้างรับจากการสั่งซื้อ (อยู่ในระหว่างการจัดส่งจากผู้จำหน่ายออกไปแล้วจะทำให้การสั่งซื้อไม่ซ้ำ ซ้อนกัน)) ถ้ามีวัตถุดิบไม่เพียงพอโปรแกรมก็จะส่งรายการวัตถุดิบที่ยังขาดพร้อมจำนวนไป ยังฝ่ายจัดซื้อ ให้ฝ่ายจัดซื้อสั่งซื้อสินค้า และโปรแกรมจะคำนวณให้ว่าว่าต้องใช้วัตถุดิบเวลาใดบ้าง ใช้เครื่องจักรไหนบ้าง ใช้พนักงานเท่าไหร่ โดยคำนวณจากรายการวัตถุดิบ (Bill of Material) ซึ่งได้กำหนดว่าสินค้าสำเร็จรูปแต่ละชนิดประกอบด้วยวัตถุดิบอะไรบ้าง และ รายการใช้วัตถุดิบในกรณีอื่นๆ เมื่อได้วัตถุดิบทั้งหมดและต้องเริ่มผลิตสินค้าตั้งแต่วันไหนเริ่มตั้งแต่ Semi ตัวไหนมาก่อนถึงจะได้สินค้าสำเร็จรูป (Finish Good) ตัวที่ผลิตนี้โดยระบบจะเช็คดูว่ามีการผลิตสินค้าในไลน์ผลิตไหนค้างอยู่บ้าง สินค้าไหนเร่งด่วนและต้องผลิตสินค้าอะไรเป็นอันดับแรก ย้อนหลังไปจากวันส่งสินค้า (MPS) ตามแผนการผลิต ขบวนการผลิต และ การควบคุมการผลิต เมื่อผลิตเสร็จก็จัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า ตามลำดับ